20 เรื่องที่คนส่วนใหญ่เรียนรู้ช้าเกินไปในชีวิต

ไม่ว่าช่วงเวลาในชีวิตของเราจะมีช่วงที่มีความสุข ความเศร้า ความสำเร็จ หรือ ความล้มเหลวผ่านเข้ามา เราก็จะอยู่กับช่วงเวลานั้นได้ไม่นาน เพราะชีวิตเราต้องเคลื่อนตัวไปข้างหน้าตามกาลเวลาที่ผันผ่านไปเสมอ (move on)

20 เรื่องที่คนส่วนใหญ่เรียนรู้ช้าเกินไปในชีวิต
จากบทความ 20 Things Most People Learn Too Late in Life เขียนโดย Nicolas Cole
เงินทองต้องวางแผนได้เรียบเรียงมาฝาก มีดังนี้ค่ะ

-----

1. คนมักหยุดใช้จินตนาการเมื่อเติบโตขึ้น

เรามักปิดกั้นจินตนาการ ความฝันในวัยเยาว์ของเราเมื่อเติบโตขึ้น เพราะคิดว่ามันเกินจริง มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะประสบการณ์ที่เข้ามาในชีวิต ความผิดพลาด ผิดหวัง ทำให้เรามองโลกแบบจำกัดมากขึ้น และค่อยๆลดจินตนาการลง ถ้าวันนี้ เราอยากเติบโตมากกว่าที่เป็นอยู่อีกครั้ง เราต้องกลับไปดึงความเป็นเด็กในตัวเราออกมา และใช้จินตนาการถึงความสำเร็จเป็นตัวนำ อย่าให้ประสบการณ์ที่ผ่านมา มาปิดกั้น "ความฝัน" ของเราได้อีก

-----

2.ความฝันของเราไม่ได้สำคัญต่อใครมากไปกว่าตัวเราเอง

อาจจะมีคนสนใจฟังความฝันของเราบ้าง ให้การสนับสนุนบ้างเมื่อเราร้องขอ แต่เชื่อเถอะไม่มีใครสนใจที่จะผลักดันความฝันของเราให้สำเร็จเป็นจริง เท่าตัวเราหรอก อย่าฝากความหวังไว้ที่คนอื่นเลยทีเดียว

-----

3.เพื่อนที่คุณคบหาในแต่ละช่วงเวลา จะเปลี่ยนไปตามบทบาทและหน้าที่ของคุณ คุณจะเกี่ยวข้องกับคนแต่ละกลุ่ม ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เช่นเมื่อย้ายที่ทำงาน จะมีแค่ไม่กี่คนจากที่ทำงานเดิม ที่คุณยังติดต่ออยู่ และนานๆไป ก็อาจจะไม่ได้ติดต่อกับคนกลุ่มนั้นอีกเลย

ในชีวิตเราจะมีเพียงคนไม่กี่คน ที่ยังคงเป็นเพื่อนอยู่กับเราในทุกช่วงเวลาของชีวิต

-----

4.ศักยภาพของเราเพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย

เมื่อคนเราอายุมากขึ้น มักจะคิดว่าตัวเองแก่ลง ความสามารถจะถดถอยลงไป ทำอะไรได้ดีน้อยลง ทั้งที่จริงๆแล้ว เราสามารถทำหลายอย่างได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เนื่องจากเราจะรู้วิธีจัดการกับงาน จัดการกับชีวิตส่วนตัว จัดการกับความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง จากการเรียนรู้ความผิดพลาดที่ผ่านมา เราจะรู้ว่าอะไรที่ทำแล้วได้ผลดี อะไรที่ไม่ควรไปเสียเวลาด้วย

เลิกความคิดว่าเราแก่ขึ้นเราจะด้อยความสามารถลงได้แล้ว เพราะเราสามารถที่จะยอดเยี่ยมมากขึ้นได้ ในทุกๆวัน

-----

5. ความเป็นธรรมชาติ เป็นพี่น้องกับความคิดสร้างสรรค์

สังเกตดูว่า หากในแต่ละวัน เราเริ่มใช้ชีวิตเป็นรูทีนเหมือนเดิม เราจะไม่สามารถค้นพบศักยภาพใหม่ๆ ในตัวตนของเรา

ลองนึกถึงธรรมชาติความเป็นตัวเราในวัยเด็ก เราเป็นคนอย่างไร เช่น เป็นคนช่างซักถาม เป็นคนช่างสงสัยอยากรู้อยากเห็น ดึงความเป็นเด็กบางอย่างที่หายไปในตัวเรากลับคืนมา เราอาจจะได้ค้นพบศักยภาพใหม่ๆในตัวตนของเราก็ได้

-----

6. เราลืมคุณค่าของการสัมผัสด้วยตัวเองไปนานเท่าไหร่แล้ว

ครั้งสุดท้ายที่เราวิ่งออกไปเล่นน้ำฝนตอนฝนตก คือเมื่อไหร่ ยังจำการนั่งลงที่พื้น แล้วมองรอยแตกของอิฐบนพื้นใกล้ๆได้มั้ย จำความรู้สึกที่เราเดินเท้าเปล่า เหยียบบนผืนหญ้า และ ผืนดินได้อยู่ไหม ถ้าจำไม่ได้แล้ว ลองทำมันดูอีกครั้งหนึ่ง เราจะได้เชื่อมต่อกับชีวิตที่มีความสนุกซุกซนอีกครั้ง

-----

7. คนส่วนใหญ่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก

คนจำนวนมากไม่ได้ใช้ชีวิตในรูปแบบที่ฝันไว้
เพราะเขาไม่พยายามมากพอ ที่จะทำมัน เมื่ออายุมากขึ้น เขาก็จะยอมรับชีวิตเท่าที่ทำได้ พร้อมมองไปรอบๆและคิดเข้าข้างตัวเองว่า คนส่วนใหญ่ ก็เหมือนเรา ไม่ได้ทำในสิ่งที่รักได้ทุกคนหรอก

อย่าติดกับดักความเชื่อแบบนั้น รีบเดินออกมาซะ
เราสามารถทำสิ่งที่ตัวเองรักได้ ถ้ามีความพยายามมากพอ

-----

8. คนจำนวนมากหยุดการอ่านหนังสือหลังเรียนจบ

ถ้าลองถามใครสักคนถึงหนังสือดีๆสักเล่มที่เขาเพิ่งอ่านจบ จะพบคำตอบว่า ฉันไม่ได้อ่านหนังสือเป็นเล่มมานานแล้ว ครั้งสุดท้ายที่อ่านคือตอนเรียน

9.คนเรามักพูดมากกว่าฟัง

ถ้าเรานั่งฟังคนสองคนสนทนากัน เราอาจจะพบเรื่องตลกที่ว่า คนสองคนคุยกันโดยไม่ได้ฟังอีกฝ่าย เขาเพียงแค่รออีกฝ่ายพูดจบเพื่อจะได้พูดเรื่องที่ตัวเองคิด

10. ความคิดสร้างสรรค์ในตัวเรา ไม่ใช่ทำตามสิ่งที่คนอื่นคาดหวัง หรือตามข้อจำกัดของคนอื่น มันต้องถูกแสดงออกมาในแบบของคุณ

-----

11. นิยามของคำว่า "สำเร็จ"

เราสอนเด็กว่าโตขึ้นเขาต้องประสบความสำเร็จให้ได้ แต่ไม่ได้สอนให้เขาคิดถึงคำจำกัดความของคำว่า ประสบความสำเร็จ

ความสำเร็จไม่ได้คิดจากการนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะนิยามความสำเร็จเป็นสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล ซึ่งนิยามได้ไม่หมือนกัน

คุณต้องมี "นิยามความสำเร็จ" เป็นของตัวคุณเอง

-----

12. คุณเปลี่ยนพ่อแม่ไม่ได้

ไม่ว่าพ่อแม่จะภูมิใจในตัวคุณหรือไม่ คุณอาจจะอึดอัดกับความคาดหวังของเขา จงรักเขาในฐานะผู้ให้กำเนิดให้คุณลืมตาดูโลก และทิ้งความคาดหวังของเขาไว้ที่ตรงนั้น

 

13. คนเดียวที่คุณจะตื่นขึ้นมาพบทุกเช้า คือ ตัวคุณเอง

ดังนั้นจงทำให้ตัวเองมีความสุขก่อนที่จะคิดว่าต้องทำยังงัยให้คนอื่นมีความสุข

 

14. ไม่มีอะไรให้ความรู้สึกดีได้มากเท่ากับสิ่งที่คุณทำออกมาจากใจ

ไม่มีเงินหรือผลตอบแทนใดๆ ที่จะทำให้คุณอิ่มใจเท่ากับตอนที่คุณได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก

-----

15. ศักยภาพในตัวคุณเกี่ยวข้องโดยตรงกับการรู้จักตัวเองของคุณ

ถ้ารู้จักตัวเองดีพอ เราจะรู้ว่าเราจะใช้จุดแข็งด้านใดของตัวเองพาเราไปสู่เป้าหมาย

คนที่ไม่รู้จักตัวเองมักจะจมไปกับการคอยหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ต้องการ โดยไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเดินออกไปทางไหนที่ดีกว่า มีแต่การวิ่งหนีเท่านั้น

 

16.คนที่เคยปฏิเสธคุณ ไม่ต้องการคุณ มักจะมีโอกาสวนกลับมา

พึ่งพาขอความช่วยเหลือจากคุณเสมอ

 

17. คุณคือกระจกสะท้อนคน 5 คนที่คุณใช้เวลาด้วยมากที่สุด ไม่มีใครสร้างความเป็นตัวตนของตัวเองด้วยตัวเอง 100% อย่างแท้จริง เราคือส่วนผสมของคน 5 คน ที่ใกล้ชิดเรามากที่สุด

 

18. เราเดินไปข้างหน้าตามความเชื่อที่เรามี

เหตุการณ์แวดล้อมในชีวิตเรา คนที่รายล้อมรอบตัวเรา แรงบันดาลใจภายในของเรา ทั้งหมดจะก่อรูปร่างรวมกันขึ้นมาเป็น "ความเชื่อ" ของเรา ไม่มีใครบอกได้ว่า มัน ถูก หรือ ผิด เราเองที่ต้องไตร่ตรองทบทวนความเชื่อนั้นตลอดเวลา ว่าความเชื่อที่เรายึดถือนั้น มันพาเราไปถูกทางหรือเปล่า

 

19. เรื่องทุกเรื่องสำคัญน้อยลงได้เสมอ

เมื่อเราอายุมากขึ้น มุมมองในความสมบูรณ์ และ ความบกพร่องจะเปลี่ยนไป บางเรื่องที่เราเคยเคร่งครัด อาจลดความสำคัญลง ไม่มี ไม่ได้ ไม่เป็นไร เราอาจปล่อยผ่านได้ในวันหนึ่ง

เมื่อเวลาผ่านไปคำว่า ความผิดพลาด จะเปลี่ยนความหมายเป็น บทเรียน อย่าไปจมอยู่กับมัน เรียนรู้แล้วก้าวเดินต่อ สำคัญที่เราต้องรู้จักตัวเอง (know yourself)

 

20. อะไร คือ ความหมายของชีวิต

การที่เราเป็นเรา ทั้งหมดที่เราเป็น ทั้งหมดที่เราทำ มันเป็นนิยามเฉพาะของตัวเรา เราคือผู้สร้างมันขึ้นมาตามวิถีของตัวเราเอง

 

เราคือหนึ่งเดียวในโลก (masterpiece)

 

การเติบโตขึ้นมาเป็นเรา มีทั้งการปั้นแต่ง กัดเซาะ ขัดเกลา วาดสีต่างๆลงไป ดังนั้น เราคือผู้ปั้นแต่งเองตามความปรารถนาของเรา ไม่มีใครเป็นผู้สร้างตัวเราได้อย่างแท้จริง

-----

อ้างอิงบทความ
https://link.medium.com/Y9toMLqehdb

Visitors: 49,679